
ในช่วงวันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2025 เมือง Sintra ประเทศโปรตุเกส กลายเป็นศูนย์กลางที่คนทั้งโลกจับตา เพราะเป็นที่จัดงานประชุม ECB Forum on Central Banking 2025 ซึ่งปีนี้ไม่ได้เป็นแค่เวทีถกเรื่องดอกเบี้ยเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่กำลังกลายเป็นเวทีแห่ง “คำถามล้านดอลลาร์” ว่า อนาคตของระบบการเงินโลกที่มีดอลลาร์เป็นศูนย์กลาง จะยังอยู่ต่อไปได้อีกหรือไม่?
สิ่งที่ผลักดันให้คำถามนี้เริ่มจริงจังมากขึ้น คือการกลับมาของ Donald Trump ที่จุดไฟสงครามการค้ารอบใหม่ทันทีที่ขึ้นดำรงตำแหน่งในปี 2025 โดยประกาศ ขึ้นภาษีขาเข้า 10% กับทุกประเทศทั่วโลก และขึ้นภาษีเฉพาะสินค้าจีนสูงถึง 60% นี่คือ “Liberation Day” ที่เขาบอกว่าเป็นวันปลดปล่อยเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม แต่ผลที่ตามมาคือความโกลาหลในตลาดการค้าโลกที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบตรงไหน
นโยบายภาษีของ Trump อาจไม่ได้ทำลายแค่การค้า แต่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ “ระบบการเงินโลก” ที่อิงอยู่บนดอลลาร์มานานกว่า 80 ปี เพราะเมื่อราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้นจากภาษี เงินเฟ้อในหลายประเทศจะถูกผลักดันให้กลับมาอย่างรวดเร็ว และธนาคารกลางจะเผชิญโจทย์ที่ยากกว่าเดิมว่าจะคุมเงินเฟ้อหรือจะประคองเศรษฐกิจดี?
แต่สิ่งที่น่าจับตามากที่สุดในตอนนี้ คือผลการศึกษาล่าสุดจาก OMFIF ที่เผยว่า ดอลลาร์สหรัฐกำลังตกจากบัลลังก์ ธนาคารกลางทั่วโลกที่ถือสินทรัพย์สำรองกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังทยอยลดการถือครองดอลลาร์ลงอย่างชัดเจน และที่น่าตกใจคือ ดอลลาร์ไม่ใช่อันดับหนึ่งอีกต่อไปในการจัดสรรเงินทุนของธนาคารกลาง แต่หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 7 แล้ว
ธนาคารกลางกว่า 70% ที่เข้าร่วมการสำรวจ บอกตรงกันว่า สภาพการเมืองในสหรัฐฯ กำลังเป็นความเสี่ยงที่ไม่อยากถือดอลลาร์ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกระแส “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” หรือ De-dollarization ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ข่าวลืออีกต่อไป
นอกจากนั้น กลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ก็กำลังเร่งพัฒนาสกุลเงินใหม่ที่จะใช้ในการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเป็น “ทางเลือก” ที่แข็งแกร่งแทนดอลลาร์ในอนาคต ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกก็เริ่มทยอยสะสมทองคำแทนเงินดอลลาร์อย่างจริงจัง
คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า หากโลกไม่จำเป็นต้องใช้ดอลลาร์ในการซื้อขายน้ำมันหรือสินค้าโภคภัณฑ์หลักอีกต่อไป บทบาทของดอลลาร์ในฐานะเงินกลางโลกจะสั่นคลอนขนาดไหน?
ภายในเวที Sintra ปีนี้ ผู้นำธนาคารกลางระดับโลก ทั้ง Jerome Powell ประธาน Fed, Christine Lagarde ประธาน ECB รวมถึงผู้ว่าการธนาคารกลางจากอังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างกำลังพยายามหาคำตอบว่า “นโยบายการเงินในโลกที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ควรจะเดินต่อไปอย่างไร?”
Isabelle Mateos y Lago นักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ BNP Paribas พูดถึงประเด็นนี้ได้อย่างน่าสนใจว่า “เหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วโลก ผู้นำธนาคารกลางกำลังพยายามหาคำตอบว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปในโลกแบบไหน แต่บางที คำตอบที่พวกเขารอคอย อาจไม่มีทางชัดเจนเลยก็ได้”
เวทีการประชุมปีนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Adapting to change: macroeconomic shifts and policy responses” ที่จะเน้นไปที่ผลกระทบของสงครามการค้า, ปัญหาเงินเฟ้อที่ยังไม่จบ, และความเสี่ยงใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในเศรษฐกิจโลก ทั้งหมดนี้จะเป็นโจทย์ยากสำหรับธนาคารกลางทั่วโลกที่ต้องเลือกว่าจะ “ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ” หรือ “ลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเศรษฐกิจ”
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเตรียมตัวเผชิญวิกฤต ไทยเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่งได้รับรางวัล Central Bank of the Year 2025 สะท้อนถึงความสามารถในการประคับประคองเศรษฐกิจท่ามกลางความวุ่นวายระดับโลก แต่คำถามสำคัญคือ ไทยจะวางแผนอนาคตอย่างไร ถ้าหากระบบการเงินที่เรารู้จักอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
การประชุม Sintra ปีนี้อาจจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่กำลังส่งสัญญาณว่า “ยุคใหม่ของเงิน” กำลังเดินทางมาถึง และใครไม่เตรียมตัว อาจตกขบวนไปตลอดกาล
