
ราคาทองแดงทั่วโลกกำลังวิ่งทะยานแบบไม่หยุด ล่าสุดในตลาดสหรัฐฯ ราคาทองแดงล่วงหน้าสำหรับส่งมอบเดือนกันยายนที่ CME พุ่งขึ้นอีก 1.6% แตะระดับ $5.732 ต่อปอนด์ ซึ่งเป็นระดับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดวัตถุดิบทั่วโลก
ต้นตอของความปั่นป่วนครั้งนี้ มาจากการที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษี 50% สำหรับทองแดงนำเข้าสหรัฐฯ โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ส่งผลให้นักลงทุนและผู้ผลิตรีบตุนของกันแบบไฟลน เพราะรู้ดีว่าราคาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
นับตั้งแต่มีประกาศในวันที่ 8 กรกฎาคม ราคาทองแดงพุ่งทะลุระดับ $5 ต่อปอนด์ทันที และขยับขึ้นเป็นสองหลักภายในวันเดียว ก่อนจะไหลขึ้นต่ออีก 2% ในวันถัดมา สะท้อนถึงแรงเก็งกำไรและความกังวลด้านซัพพลายที่จะตามมา
ในภาพรวมปี 2025 ราคาทองแดง เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 40% ซึ่งถือว่าแซงหน้าทั้งทองคำและโลหะอื่น ๆ ไปแบบขาดลอย ทองแดงจึงกลายเป็น “สินทรัพย์ขวัญใจ” ของนักลงทุนในปีนี้
ที่ตลาดลอนดอนเอง ราคาทองแดงก็ขยับขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มอีก 0.8% อยู่ที่ประมาณ $9,860 ต่อตัน นักวิเคราะห์จาก ANZ Bank ให้ความเห็นว่า การเก็บภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ตลาดต้องพึ่งพาคลังภายในประเทศมากขึ้นในระยะสั้น และอาจกดดันราคาทองแดงในตลาดนิวยอร์กและลอนดอนให้ผันผวนในช่วงหลังภาษีมีผล
ความเคลื่อนไหวที่สำคัญคือการไหลเข้าของทองแดงจากประเทศผู้ผลิตกำลังชะลอตัวลงอย่างชัดเจน นักเทรดต่างเตรียมปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับต้นทุนที่กำลังจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอีกสัญญาณว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่ง “สงครามวัตถุดิบ”
คำถามสำคัญในตอนนี้คือ… ราคาทองแดงจะพุ่งต่อได้อีกแค่ไหน? หรือจะแค่ขึ้นแรงชั่วคราวเพราะแรงเก็งกำไรก่อนเส้นตาย?
หากสหรัฐฯ และจีนยังเดินหน้าลงทุนใน EV, โซลาร์เซลล์ และโครงสร้างพื้นฐาน
ทองแดงอาจกลายเป็น “ทองคำใหม่” ของศตวรรษนี้ก็เป็นได้
