
เทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนโลก แต่จะเปลี่ยนราคาทองคำไหม?
ล่าสุด มีการค้นพบเทคโนโลยีการสกัดทองคำที่น่าทึ่งจากหลายสถาบันวิจัยชั้นนำครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ “ฟองน้ำโปรตีน” ที่ทำจากหางนม (ผลพลอยได้จากการทำชีส) ของนักวิจัย ETH Zurich หรือการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในสระว่ายน้ำของทีมวิจัยจาก Flinders University ในออสเตรเลีย
จุดร่วมที่ยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีเหล่านี้คือ สามารถสกัดทองคำออกจากแร่และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” (E-waste) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
โดยไม่ต้องใช้สารเคมีอันตรายอย่างไซยาไนด์หรือปรอท เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
คำถามสำคัญ: ทองจะล้นตลาด กดดันราคาหรือไม่?
เมื่อเทคโนโลยีทำให้การสกัดทองคำ โดยเฉพาะจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่มหาศาล ทำได้ง่ายขึ้นและต้นทุนถูกลง หลายคนจึงกังวลว่า Supply ทองคำจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจน “ล้นตลาด” และกดดันให้ราคาตกต่ำลง เหมือนที่เราเคยเห็นในตลาดโลหะอุตสาหกรรมอื่นๆ
คำตอบคือ “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น” ครับ
เหตุผลสำคัญคือ “ธรรมชาติของตลาดทองคำ” แตกต่างจากโลหะ
อุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง
- ทองคำคือสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วไป: ราคาโลหะอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก หรือทองแดง จะอ่อนไหวต่อปริมาณการผลิตและอุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่ราคาทองคำขับเคลื่อนด้วยบทบาทของมันในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven) และ “สินทรัพย์รักษามูลค่า” (Store of Value) ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำจึงเป็นเรื่องของเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก
- ปริมาณทองคำในตลาด (Above-ground Stock) มีอยู่มหาศาล: ทองคำทั้งหมดที่เคยถูกขุดขึ้นมาบนโลกใบนี้ยังคงหมุนเวียนอยู่ในระบบ ไม่ได้ถูกใช้แล้วหมดไปเหมือนโลหะอื่น ปริมาณทองคำที่ขุดได้ใหม่ในแต่ละปี (Annual Supply) คิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 1-2%) เมื่อเทียบกับทองคำที่มีอยู่แล้วทั้งหมดในโลก (Above-ground Stock) การเพิ่มขึ้นของทองคำที่สกัดได้จาก E-waste แม้จะเพิ่มขึ้น ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของ Annual Supply เท่านั้น จึงไม่สามารถส่งผลกระทบต่อปริมาณทองคำมหาศาลที่มีอยู่เดิมได้อย่างมีนัยสำคัญ
- เป็นการรีไซเคิล ไม่ใช่การค้นพบแหล่งใหม่: เทคโนโลยีนี้คือการ “รีไซเคิล” ทองคำที่ถูกกระจายไปอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ให้กลับเข้าระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่การค้นพบเหมืองทองคำแห่งใหม่ขนาดยักษ์ที่จะมาเปลี่ยนสมการอุปทานของโลก
บทสรุป
เทคโนโลยีการสกัดทองคำแบบใหม่นี้ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งในมิติของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำทองคำกลับมาใช้ใหม่ได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุน ไม่ต้องกังวลว่าเทคโนโลยีนี้จะทำให้ทองคำล้นตลาดและราคาตกต่ำครับ ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของราคาทองคำยังคงเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคเช่นเดิม นวัตกรรมนี้จึงไม่เปลี่ยนพื้นฐานของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยครับ
