
ดอลลาร์อ่อนค่า สะท้อนความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ในอดีต ดอลลาร์สหรัฐถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่มั่นคงที่สุดของโลก
แต่นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงกว่า 7%
และมีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงอีกในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยด้านเทคนิคเพียงอย่างเดียว
แต่มาจากแรงกดดันเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน
ซึ่งกำลังทำให้ตลาดโลกเริ่มตั้งคำถามว่า “ดอลลาร์ยังควรเป็นศูนย์กลางของโลกการเงินหรือไม่”
3 ปัจจัยหลักที่กดดันดอลลาร์
1. สหรัฐใช้จ่ายเกินตัว จนหนี้พุ่งทะลุเพดาน
ล่าสุด สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่าย
ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์
จากระดับเดิมที่สูงถึง 36.2 ล้านล้านดอลลาร์อยู่แล้ว
ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเสถียรภาพทางการคลังของสหรัฐฯ กำลังสั่นคลอน
2. นโยบายการค้าของสหรัฐฯ สร้างความไม่แน่นอน
ท่าทีแข็งกร้าวของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการตั้งกำแพงภาษี
โดยเฉพาะกับประเทศพันธมิตรอย่างสหภาพยุโรป และแม้แต่บริษัทสัญชาติอเมริกันเองอย่าง Apple
ได้สร้างความไม่เชื่อมั่นในสายตานักลงทุน
โดยเฉพาะเมื่อกฎเกณฑ์และนโยบายมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
3. สัญญาณการลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 175 จุดฐานภายในปี 2026
เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว
ซึ่งจะยิ่งลดแรงจูงใจในการถือสินทรัพย์ที่ผูกกับดอลลาร์
ตลาดทุนโลกเริ่มลดการพึ่งพาดอลลาร์
ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้จำกัดอยู่ในสหรัฐฯ เท่านั้น
แต่กำลังส่งผลให้พฤติกรรมของตลาดโลกเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
รัฐบาลต่างประเทศลดการออกพันธบัตรที่ใช้ดอลลาร์ลงถึง 19%
เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ในสหรัฐฯ มากกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี
นักลงทุนมากกว่าครึ่ง เริ่มสงสัยในสถานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ของดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
จากระดับ 1.14 ดอลลาร์ต่อยูโร ไปสู่ 1.18 ดอลลาร์ภายใน 1 ปี
สะท้อนการปรับสมดุลของระบบการเงินโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
ผลกระทบในเชิงโครงสร้าง
การอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้ต้นทุนนำเข้าสินค้าสูงขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อรวมกับนโยบายภาษีที่ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
สิ่งนี้อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่ยากจะควบคุม
และกระทบต่ออำนาจซื้อของประชาชนภายในประเทศในระยะยาว
Goldman Sachs ประเมินว่า หากแนวโน้มยังคงดำเนินต่อไป
ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงอีก 25-30% เมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้าในประวัติศาสตร์
โลกอาจไม่ต้องการผู้นำเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป
สัญญาณทั้งหมดนี้อาจชี้ไปยังการเปลี่ยนผ่าน
จากโลกการเงินที่เคยมีดอลลาร์เป็นศูนย์กลาง
ไปสู่ระบบที่หลากหลายขึ้น ทั้งในรูปของเงินสกุลอื่น เช่น ยูโร หยวน
หรือแม้แต่สินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะกับผู้ที่มีการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูง
การเคลื่อนไหวของดอลลาร์ในรอบนี้
จึงไม่ใช่เพียงความผันผวนชั่วคราว
แต่น่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “การปรับสมดุลใหม่” ในระบบเศรษฐกิจโลก
