
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ราคาทองคำสปอตปรับขึ้นมาแตะระดับ 2,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก โดยมีปัจจัยหนุนหลักอยู่ 3 ด้าน ได้แก่ ความตึงเครียดทางการค้า ดอกเบี้ยพันธบัตรที่ลดลง และการคาดการณ์ว่าเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในอนาคต
สิ่งที่จุดชนวนให้ราคาทองคำกลับมาคึกคัก คือข่าวคราวเรื่อง “ความขัดแย้งทางการค้า” ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายเตรียมพิจารณามาตรการภาษีตอบโต้ และการจำกัดการส่งออกซึ่งกันและกัน หากสถานการณ์บานปลายมากกว่านี้ โลกอาจต้องเผชิญกับภาวะชะงักงันทางการค้าอีกระลอก
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ลดลง ก็เป็นอีกแรงผลักดันสำคัญ เพราะในโลกของนักลงทุน “ทองคำ” และ “พันธบัตร” มักจะแข่งขันกันในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่เมื่อผลตอบแทนพันธบัตรต่ำลง ต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือทองคำก็ลดลงไปด้วย ทำให้ทองน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของนักลงทุน
อีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันทองคำให้สูงขึ้น คือความคาดหวังว่าเฟดอาจจะเริ่มลดดอกเบี้ย หากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ แสดงสัญญาณชะลอตัวลงจริง การลดดอกเบี้ยจะยิ่งซ้ำเติมการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และส่งผลบวกต่อราคาทองในระยะกลางถึงยาว
การที่ทองคำดีดตัวแรงในช่วงนี้ จึงอาจไม่ใช่แค่เรื่องของราคาที่ขยับขึ้นเพราะเทคนิคหรือข่าวระยะสั้น แต่สะท้อนความวิตกของนักลงทุนที่เริ่มไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะเดินหน้าไปได้ดีแค่ไหนในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อปัจจัยเสี่ยงอย่างนโยบายการค้า การเงิน และภูมิรัฐศาสตร์ กำลังเดินสวนทางกัน
เมื่อมองภาพรวม ทั้งดอลลาร์ที่อ่อน ค่า Yield ที่ลด และ Trade War ที่กลับมา
ทั้งหมดนี้คือ “เชื้อเพลิง” ที่ผลักให้ราคาทองคำเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
และคำถามสำคัญที่ตามมาคือ —
นี่คือจุดเริ่มต้นของขาขึ้นรอบใหม่? หรือเป็นเพียงคลื่นสะท้อนจากความกลัวระยะสั้น?
