
ดอลลาร์อ่อนค่าหนัก
เมื่อ ‘แบรนด์อเมริกา’ เริ่มไม่ขายดีในตลาดโลก
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงมากกว่า 10%
ถือเป็นการอ่อนค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนทั่วโลก
ที่เริ่มตั้งคำถามถึงสถานะของดอลลาร์ในฐานะเสาหลักของระบบการเงินโลก
และความแข็งแกร่งของ “แบรนด์อเมริกา” ที่เคยทรงอิทธิพลมาอย่างยาวนาน
ดอลลาร์อ่อน…ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค
นักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สจำนวนมากเริ่มเปิดสถานะ “ขาย” ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ยูโร และอีกหลายสกุล
หลังจาก Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2025
เหตุการณ์นี้กลายเป็นตัวเร่งที่สะท้อนความไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจและการคลังของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
Francesco Pesole จาก ING อธิบายว่า
ตลาดเริ่มเข้าสู่ช่วง “Sell America” อีกครั้ง ซึ่งสะท้อนจากการเทขายดอลลาร์ พันธบัตร และหุ้นสหรัฐฯ พร้อมกัน
ปัจจัยหลักที่กดดันดอลลาร์
1. ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า
มาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับระบบการค้าโลก
ความไม่ชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดการถอนตัวของเงินทุนต่างชาติ
และทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
2. หนี้สาธารณะที่พุ่งสูง
สหรัฐฯ มีหนี้สะสมเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์
และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านล้าน จากนโยบายลดภาษีและเพิ่มรายจ่าย
นำไปสู่การปรับลดเครดิตโดย Moody’s ซึ่งยิ่งลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน
3. ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย
บริษัทชะลอการลงทุน
และเศรษฐกิจเริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัวทั้งในระดับบนและล่าง
ภาวะดังกล่าวยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่า
ดอลลาร์อ่อนค่า = จุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจโลก?
แม้ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก
แต่สัดส่วนการใช้งานในธุรกรรมระหว่างประเทศเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ประเทศต่างๆ เร่งกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์
และหันไปใช้สกุลเงินอื่นในข้อตกลงการค้าและเงินสำรองระหว่างประเทศ
การอ่อนค่าของดอลลาร์ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่ภาวะชั่วคราว
แต่สะท้อนถึงการปรับสมดุลของอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับโลก
แนวโน้มในอนาคต: ยังอ่อนต่อเนื่อง
J.P. Morgan Asset Management คาดว่า
ดอลลาร์อาจอ่อนค่าต่ออีก 10-20% เมื่อเทียบกับยูโรและเยน
โดยการประเมินระยะยาวชี้ว่า EUR/USD อาจไปถึง 1.29
และ USD/JPY อาจลดลงสู่ระดับ 114 ในอีก 10-15 ปี
ขณะเดียวกัน นักลงทุนเริ่มเลือกที่จะ “ขายดอลลาร์เมื่อแข็ง” แทนที่จะถือเพื่อรอฟื้น
สะท้อนมุมมองใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ผลกระทบต่อนักลงทุน
การอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลหลายด้าน
ทั้งในแง่เงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้น
ต้นทุนการนำเข้าสินค้าพุ่ง
นโยบายการเงินของ Fed ซับซ้อนยิ่งขึ้น
และความน่าสนใจของสินทรัพย์สหรัฐฯ ลดลงในสายตาต่างชาติ
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ
อาจได้รับประโยชน์จากค่าเงินที่อ่อนลง
เพราะรายได้จากต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นดอลลาร์จะสูงขึ้น
สรุป
การอ่อนค่าของดอลลาร์ในครั้งนี้
ไม่ได้เกิดจากปัจจัยชั่วคราวหรือแรงเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง
ทั้งทางเศรษฐกิจ การคลัง และบทบาทของสหรัฐฯ บนเวทีโลก
เมื่อนักลงทุนทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจใน “แบรนด์อเมริกา”
สิ่งที่เคยเชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด…อาจไม่ใช่เช่นนั้นตลอดไป
