
อีลอน มัสก์ ลาออกจาก DOGE: ภารกิจปฏิรูปรัฐบาลที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด
28 พฤษภาคมที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วย DOGE (Department of Government Efficiency)
หน่วยงานพิเศษที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการลดงบประมาณรัฐและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐในแบบฉบับเอกชน
มัสก์ตั้งเป้าจะลดรายจ่ายรัฐบาลให้ได้กว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขจริงกลับทำได้เพียง 160,000 ล้านดอลลาร์
แม้จะดูเป็นความสำเร็จระดับหนึ่ง ทว่าความเสียหายที่เกิดจากการตัดงบและปลดพนักงานราชการจำนวนมาก ได้สร้างแรงกระเพื่อมที่สังคมและระบบราชการยังต้องใช้เวลาเยียวยา
เมื่อระบบราชการไม่ใช่บริษัทเทค
นักวิชาการจาก Harvard Kennedy School ชี้ว่า แนวคิดการบริหารแบบเทคโนโลยีอาจไม่สามารถนำมาใช้กับระบบราชการได้โดยตรง
เพราะการทำงานของภาครัฐมีพันธกิจที่ซับซ้อนกว่า และต้องคำนึงถึงความเท่าเทียมและความมั่นคงของประชาชนมากกว่าตัวเลขกำไรขาดทุน
การเร่งปิดโครงการและปลดพนักงานโดยไม่มีแผนรองรับ ส่งผลให้หน่วยงานรัฐหลายแห่ง
เช่น ระบบประกันสังคมและสาธารณสุขเกิดความล่าช้าในการให้บริการ และกลายเป็นประเด็นถกเถียงด้านจริยธรรมและกฎหมายตามมา
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และภาคธุรกิจ
แม้มัสก์จะถอยออกจากงานภาครัฐ แต่ในสายตานักลงทุน การกลับไปโฟกัสที่ SpaceX, xAI และ Tesla
ถือเป็นข่าวดี หุ้นเทสลาฟื้นตัวทันทีหลังประกาศลาออก ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดว่าเขาจะกลับไปทำในสิ่งที่ถนัดและสร้างมูลค่าได้มากกว่า
การเข้ามามีบทบาทในภาครัฐของผู้นำจากภาคธุรกิจระดับโลกอย่างอีลอน มัสก์ แสดงให้เห็นว่า “การปฏิรูป” ไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์เพียงอย่างเดียว
แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในระบบที่มีอยู่เดิม การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และความรอบคอบในเชิงสังคม
แม้ความพยายามของมัสก์จะจบลงด้วยการลาออก แต่กรณีของ DOGE จะยังคงเป็นบทเรียนสำคัญให้กับนักนโยบายทั่วโลก
ว่าความเปลี่ยนแปลงในภาครัฐ ต้องมาจากจังหวะที่พอดี ความเข้าใจที่ลึกพอ และความกล้ารับผิดชอบต่อผลที่ตามมา
