
เงินไหลออกจากหุ้นสหรัฐ… ขณะที่หุ้นจีนเริ่มฟื้นตัว
ปี 2025 กำลังเป็นปีที่ตลาดโลกเริ่มส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลง
ในขณะที่
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว
เม็ดเงินลงทุนเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ (DXY) อ่อนค่าจากระดับ 110 เหลือ 99 ภายใน 6 เดือน
ฝั่งตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) และโดยเฉพาะหุ้นจีน
กลับเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่น่าสนใจ

สถานการณ์ในสหรัฐ
ดัชนี GDPNow ของธนาคารกลางแอตแลนต้า (Atlanta Fed) ประเมิน GDP ไตรมาส 2/2025 ไว้เพียง 0.3%
ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังซบเซา โดยดอกเบี้ยจำนองอยู่เหนือ 7% ทำให้การซื้อขายบ้านใหม่แทบหยุดนิ่ง
ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงกดดันภาคการผลิตและซัพพลายเชน
ในตลาดเงิน สภาพคล่องเริ่มตึงตัว:
Reverse Repo Facility เหลือเพียง $94 พันล้าน (เกือบหมดแล้ว)
Treasury General Account ของกระทรวงการคลังแม้มีเงินภาษีเข้ามาในเมษายน แต่โดยรวมยังอยู่ในโหมด “ลดเงินสด”
ส่งผลให้
เงินทุนต่างชาติเริ่มถอนการลงทุนจากตลาดหุ้นสหรัฐ
และหาทางกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นๆ

สัญญาณการฟื้นตัวในตลาดจีน
แม้จะยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า
แต่ ข้อมูลหลายตัวสะท้อนว่าตลาดหุ้นจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างเงียบๆ
ตัวอย่างเช่น:
ดัชนี MCHI (iShares MSCI China ETF) ฟื้นตัวขึ้น +15% จากจุดต่ำสุดเดือนตุลาคม 2024
FXI (iShares China Large-Cap ETF) ปรับตัวขึ้น +12% ช่วงไตรมาสแรกปี 2025
เงินลงทุนไหลเข้ากองทุน Emerging Markets เริ่มฟื้นตัวเป็นบวกในไตรมาสแรกปีนี้ หลังไหลออกต่อเนื่อง 8 ไตรมาสติดต่อกัน

ทำไมหุ้นจีนฟื้นตัวได้ แม้ยังมีความเสี่ยงการค้า?
1. มูลค่าถูกกว่าค่าเฉลี่ยประวัติศาสตร์:
ค่า P/E หุ้นจีนใน MCHI ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 9-10 เท่า
เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีของตัวเองที่ ประมาณ 13-14 เท่า
และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นสหรัฐ (S&P 500) ที่สูงกว่า 20 เท่า
2. ภาคการบริโภคในประเทศยังเติบโต:
การลงทุนภาคเอกชนในจีนขยายตัวแม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
จีนมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี
3. ตลาดจีนมีการกระจายความเสี่ยงในตัว:
ETF หลักที่อิงหุ้นจีน เช่น MCHI หรือ FXI มีการกระจายน้ำหนักไปยังกลุ่มเทคโนโลยี, การเงิน และการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
หุ้นใหญ่อย่าง Tencent และ Alibaba ซื้อขายที่ระดับ P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประวัติศาสตร์ถึง 30-50%

บทสรุป
แม้จะยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมือง
แต่ข้อมูลเชิงโครงสร้างหลายอย่างบ่งชี้ว่า
หุ้นจีนกำลังอยู่ในจุดฟื้นตัวทั้งในแง่มูลค่าและสภาพคล่อง
ในขณะเดียวกัน
ความอ่อนแอในตลาดสหรัฐ ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สภาพคล่องตึงตัว และดอลลาร์ที่อ่อนค่า
อาจทำให้เงินทุนโลกบางส่วน
เริ่มหันมามอง Emerging Markets และตลาดจีนมากขึ้นในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
โอกาส และความเสี่ยง
ยังคงเดินไปพร้อมกัน…
แต่สำหรับนักลงทุนที่มองระยะยาว
นี่อาจเป็นอีกครั้งหนึ่ง… ที่การกระจายการลงทุนไปยังตลาดเกิดใหม่ อาจตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ
