
เงิน 14,000 ล้านดอลลาร์จะเปลี่ยนใจสหรัฐฯ ได้หรือไม่?
Nippon Steel บริษัทเหล็กรายใหญ่จากญี่ปุ่น เสนอแผนลงทุนขนาดมหึมาในสหรัฐฯ มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์
เพื่อพยายามเข้าซื้อกิจการ U.S. Steel บริษัทเหล็กระดับตำนานของอเมริกา ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งรัฐบาล นักการเมือง และสหภาพแรงงาน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนถึงเส้นตายสำคัญในวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 ซึ่งจะเป็นวันที่รัฐบาลทรัมป์ต้องตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าข้อตกลงนี้ควร “เดินหน้า” หรือ “หยุดลง”
จุดเริ่มต้นของข้อตกลงที่สั่นสะเทือนวงการ
ในเดือนธันวาคม 2023 Nippon Steel ประกาศเข้าซื้อกิจการ U.S. Steel ด้วยมูลค่าเกือบ 15,000 ล้านดอลลาร์
โดยมีเงื่อนไขให้บริษัทใหม่ยังคงใช้ชื่อ U.S. Steel และตั้งสำนักงานใหญ่ไว้ที่พิตต์สเบิร์ก พร้อมให้คำมั่นว่าจะเคารพข้อตกลงกับสหภาพแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ความพยายามเข้าซื้อกิจการของบริษัทต่างชาติต่อองค์กรที่มีสถานะเชิงสัญลักษณ์ของชาติ สร้างกระแสคัดค้านอย่างหนักจากหลากหลายภาคส่วน รวมถึงสภาคองเกรส ทำเนียบขาว และแรงงานเหล็กในประเทศ
รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งเบรก
ต้นปี 2025 ประธานาธิบดีไบเดนได้ใช้อำนาจฝ่ายบริหารระงับการเข้าซื้อกิจการ ด้วยเหตุผลด้าน “ความมั่นคงของชาติ”
โดยให้เหตุผลว่า อุตสาหกรรมเหล็กของประเทศเป็นส่วนสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานและการป้องกันประเทศ
ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งกลับเข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง ได้สั่งให้มีการทบทวนข้อตกลงใหม่ผ่านคณะกรรมการ CFIUS
เพื่อพิจารณาว่าข้อเสนอที่ปรับปรุงใหม่เพียงพอหรือไม่ต่อการลดความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์
แผนลงทุนใหม่ที่หนักกว่าเดิม 10 เท่า
จากเดิมที่ Nippon Steel เสนอแผนลงทุนราว 1.4 พันล้านดอลลาร์ ล่าสุดบริษัทได้ประกาศเพิ่มวงเงินรวมเป็น 14,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028 โดยประกอบด้วย:
การลงทุน 11,000 ล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของ U.S. Steel
การสร้างโรงงานผลิตเหล็กแห่งใหม่ (Greenfield Site) ด้วยเงินลงทุนสูงสุด 4,000 ล้านดอลลาร์
ข้อเสนอนี้ยังรวมถึงภาระผูกพันในการคงตำแหน่งงานเดิมไว้ และยอมจ่ายค่าธรรมเนียมยกเลิกข้อตกลงสูงถึง 565 ล้านดอลลาร์ หากธุรกรรมล้มเหลว
ฝ่ายคัดค้านยังไม่เปลี่ยนใจ
แม้ข้อเสนอจะดูเป็นมิตรกับเศรษฐกิจและแรงงานในประเทศ แต่ สหภาพแรงงาน United Steelworkers ยังยืนยันจุดยืนไม่สนับสนุนข้อตกลง
โดยมองว่าการปล่อยให้บริษัทต่างชาติเป็นเจ้าของอุตสาหกรรมเหล็กอเมริกันคือความเสี่ยงด้านความมั่นคงระยะยาว
ขณะเดียวกัน บริษัทในประเทศอย่าง Cleveland-Cliffs และ Nucor ต่างยื่นข้อเสนอแข่งขัน แม้ราคาจะต่ำกว่าของ Nippon Steel อย่างมาก แต่ก็ได้รับแรงสนับสนุนในเชิงจิตวิทยาทางสังคมและการเมืองมากกว่า
ความตึงเครียดในเวทีระหว่างประเทศ
รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อการระงับดีลในช่วงต้นปี โดยมองว่าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนระหว่างสองประเทศ
ซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมายาวนาน
กระทรวงการค้าของญี่ปุ่นเตือนว่า หากข้อตกลงล้มเหลวจากเหตุผลทางการเมือง อาจต้องทบทวนแนวทางการส่งเสริมการลงทุนข้ามชาติในอนาคต
ขณะเดียวกัน ฝั่งสหรัฐฯ เพิ่งประกาศใช้ภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมทั่วโลกในอัตรา 25% ยิ่งทำให้บริบทของการตัดสินใจในดีลนี้มีความซับซ้อนและอ่อนไหวยิ่งขึ้น
เส้นตายและสิ่งที่ต้องจับตา
การพิจารณาของคณะกรรมการ CFIUS มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์จะมีเวลาอีก 15 วันในการลงนามตัดสินใจขั้นสุดท้าย
หากดีลได้รับอนุมัติ จะเป็นการเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมเหล็กของอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากถูกปฏิเสธ นี่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศพันธมิตรที่สำคัญอย่างญี่ปุ่น
บทสรุป
ดีลนี้ไม่ใช่เพียงการซื้อกิจการธรรมดา แต่สะท้อนให้เห็นถึงแรงปะทะระหว่าง เศรษฐกิจแบบโลกาภิวัตน์ กับ แนวคิดเศรษฐกิจชาตินิยม ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก
คำตอบว่า “เงินลงทุน 14,000 ล้านดอลลาร์” จะเพียงพอหรือไม่… คงได้เห็นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
