
Moody’s ตัดเกรดสหรัฐฯ หลังหนี้พุ่งไม่หยุด – แต่รัฐบาลกลับบอก “ไม่สำคัญ”
สหรัฐฯ เพิ่งโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือโดย Moody’s
ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับรายสุดท้าย ที่ยังเคยให้สหรัฐฯ อยู่ในกลุ่ม “AAA”
การลดครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะมันทำให้วันนี้…
อเมริกาไม่เหลืออันดับสูงสุดจากสถาบันไหนอีกเลย
Moody’s ให้เหตุผลชัดเจนครับ
ว่า “หนี้รัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งไม่หยุดมานานเกินสิบปี”
แถมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศอื่นที่ยังได้เรตติ้งระดับเดียวกันอีกด้วย
พอรวมกับการเก็บรายได้ที่ไม่พอ การใช้จ่ายรัฐที่สูงขึ้น และแนวโน้มขาดดุลระยะยาว
Moody’s ก็มองว่า ถึงเวลาต้อง “ตัดเกรด”
ฝั่งรัฐบาลทรัมป์พูดยังไง?
Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกแบบตรงไปตรงมาว่า…
“ผมไม่ให้ความสำคัญกับการลดอันดับของ Moody’s เลย”
และเขาย้ำว่า สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่จะชนะหนี้ได้ในระยะยาว
พร้อมอ้างถึงเงินลงทุนใหม่จากตะวันออกกลาง ที่ไหลเข้าสหรัฐฯ ช่วงนี้
ฝั่งทำเนียบขาวก็โต้แรง บอกว่า
Moody’s มีแรงจูงใจทางการเมือง และว่าเรื่องหายนะทางการคลังเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคไบเดนแล้ว
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจเริ่มงงว่า…
แล้วทำไมรัฐบาลถึงลดภาษีอีก ทั้งที่หนี้พุ่ง?
จุดพีคอยู่ตรงร่างกฎหมายภาษี
เรื่องที่น่าสนใจคือ ช่วงที่ Moody’s หั่นเรตติ้ง
รัฐบาลทรัมป์ก็กำลังดันร่างกฎหมายลดภาษีรอบใหม่อยู่พอดี
โดยร่างนี้มีเป้าหมายเพื่อ “ต่ออายุ” การลดภาษีเดิมจากสมัยปี 2017
ถ้าผ่าน ก็จะทำให้รายได้ภาษีของรัฐลดลงราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปี
แต่ปัญหาคือ…
มันยังมีบทบัญญัติอื่น ๆ ที่ “อาจเพิ่มหนี้สาธารณะได้ถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์” ภายในปี 2034
แม้รีพับลิกันจะควบคุมสภา แต่ก็ยังมีเสียงคัดค้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมเอง
ที่มองว่า กฎหมายนี้ “ไม่ได้ลดรายจ่ายรัฐอย่างเพียงพอ”
ตลาดจะสะเทือนแค่ไหน?
หลัง Moody’s หั่นเกรด → ตลาดพันธบัตรเริ่มขยับ
นักลงทุนเริ่มถามว่า “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังปลอดภัยอยู่ไหม?”
เพราะเมื่ออันดับความน่าเชื่อลดลง
ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลก็อาจต้องปรับสูงขึ้น
และอาจลามไปถึงภาคเอกชนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้นเช่นกัน
นักเศรษฐศาสตร์บางคนถึงกับบอกว่า
นี่คือ “คำเตือนว่าเรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย”
โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยยังสูง และหนี้ยังเร่งตัวต่อเนื่อง
แล้วอนาคตจะเป็นยังไง?
Moody’s ยังไม่ได้มองสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ “เสี่ยงล้มละลาย”
ยังมองว่ามีจุดแข็งทางเศรษฐกิจหลายอย่าง เช่น
เศรษฐกิจขนาดใหญ่
ดอลลาร์ยังเป็นสกุลเงินสำรองโลก
ระบบธนาคารกลางที่เคยมีความน่าเชื่อถือ
แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับ Fed
เพราะเคยมีประเด็นว่า ทรัมป์อยากปลดประธานเฟด Jerome Powell มาก่อน
ถ้าความเป็นอิสระของธนาคารกลางถูกแทรกแซง
ตลาดการเงินทั่วโลกก็อาจเกิดความไม่มั่นใจในระยะยาว
ในโลกการเงิน การ “เสียอันดับเครดิต” ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจพังทันที
แต่มันคือ “สัญญาณเตือน” ที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ว่า…
สหรัฐฯ อาจกำลังเข้าสู่จุดที่หนี้ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
ถ้ารัฐบาลยังลดภาษีแบบไม่ลดรายจ่าย
หนี้ก็จะพุ่งเรื่อย ๆ ดอกเบี้ยก็จะกดดันงบประมาณต่อไป
และนั่นอาจกลายเป็นวงจรอันตราย ที่กระทบทุกคน
ตั้งแต่คนกู้บ้าน ไปจนถึงตลาดหุ้นและค่าเงิน
ต้องจับตาว่า
อเมริกาจะหาทางกลับมาได้ไหม
หรือ…นี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี ที่ความน่าเชื่อถือระดับโลกของสหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอนจริง ๆ
