
โปแลนด์ซื้อทอง 49 ตันในไตรมาสเดียว
กำลังเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารกลางทั่วโลก?
ถ้าเราเห็นคนทั่วไปแห่ซื้อทอง อาจเป็นเรื่องปกติ
แต่เมื่อ “ธนาคารกลาง” เริ่มกว้านซื้อทองคำอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสแรกปี 2025 ที่ผ่านมา
โปแลนด์เพียงประเทศเดียวซื้อทองคำไปถึง 49 ตัน
คำถามคือ…
ธนาคารกลางกำลังกลัวอะไร?
และพวกเขากำลังเตรียมรับมือกับอะไร?
สถานการณ์ล่าสุด:
รายงานจาก World Gold Council ระบุว่า
ใน Q1 ปี 2025
ธนาคารกลางทั่วโลก ซื้อทองสุทธิ 244 ตัน
แม้จะลดลง 21% จากปีก่อนหน้า
แต่ยัง สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีถึง 24%
นั่นหมายความว่า
การซื้อทองคำของธนาคารกลางยังอยู่ในระดับ “ร้อนแรง”
แม้ราคาทองจะพุ่งทะลุ $3,500 ต่อออนซ์ในไตรมาสที่ผ่านมา
โปแลนด์: ผู้นำการสะสมทองแห่งยุโรป
ธนาคารกลางโปแลนด์ หรือ Narodowy Bank Polski
กลายเป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่ที่สุดของโลกในไตรมาสนี้
ซื้อทองคำ 49 ตัน ใน Q1
ตลอดปีเดียวกันซื้อไปแล้วถึง 91 ตัน
ส่งผลให้มูลค่าสำรองทองคำพุ่งจาก 40.5 พันล้าน → 44.19 พันล้านดอลลาร์ ภายในแค่ 1 เดือน
นี่คือการปรับโครงสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
ในกลุ่มประเทศยุโรปที่ไม่ใช่แกนหลักยูโรโซน
ประเทศอื่นไม่ได้นิ่งเฉย
จีน เพิ่มอีก 13 ตัน → ถือครองรวม 2,292 ตัน
อินเดีย เพิ่ม 3 ตัน → ถือครองรวม 880 ตัน
คาซัคสถาน และ เช็ก ก็เดินหน้าสะสม
ขณะที่ อุซเบกิสถาน เป็นไม่กี่ประเทศที่ “ขาย” ทองคำออกมา
น่าสังเกตว่า…
ธนาคารกลางที่สะสมทองคำอย่างจริงจัง มักเป็น กลุ่มประเทศที่ต้องการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
ทำไมธนาคารกลางยังซื้อทองคำอยู่?
แม้ราคาทองจะ “ไม่ถูก” แล้วในตอนนี้
แต่ธนาคารกลางยังคงซื้อ… เพราะอะไร?
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังสูง
เงินเฟ้อยังเป็นความเสี่ยง แม้อัตราดอกเบี้ยจะสูง
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังยืดเยื้อ (ยูเครน-รัสเซีย, ไต้หวัน, ตะวันออกกลาง)
ดอลลาร์สหรัฐเริ่มถูกท้าทายจากระบบการชำระเงินอื่นๆ เช่น BRICS Pay หรือสกุลเงินท้องถิ่น
ทองคำจึงยังเป็น “เครื่องมือกันตาย”
เพราะ ไม่มีความเสี่ยงจากคู่สัญญา (no counterparty risk)
และ ไม่มีประเทศไหนควบคุมได้
บทส่งท้าย: เราควรอ่านเกมนี้อย่างไร?
เมื่อ “ธนาคารกลาง” ยังซื้อทอง
แปลว่า พวกเขาไม่เชื่อในเสถียรภาพของระบบเงินตราโลกในอนาคตอันใกล้
แม้แต่ประเทศที่เคยถือดอลลาร์เป็นหลัก
อย่างโปแลนด์ หรืออินเดีย ยังเบนเข็มมาทาง “ทองคำ”
แล้วคนธรรมดาอย่างเรา จะยังถือเงินสดอย่างเดียวได้อีกนานแค่ไหน?

ทองคำอาจไม่ใช่สินทรัพย์ที่โตเร็ว
แต่ตอนนี้มันกำลังกลายเป็น “หลักประกันของโลก”
