
เกิดอะไร? ราคาทองคำร่วงลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ราคาทองคำพุ่งทะลุ $3,500 ต่อออนซ์เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณว่า “แรงซื้ออาจเริ่มหมด” โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ $3,287.72 ลดลง 6.1% จากจุดสูงสุด
เบื้องหลังการขึ้นรอบนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะทองไม่ได้ขึ้นเพราะเศรษฐกิจดี…แต่มันขึ้น เพราะ “นักลงทุนกำลังกลัว”
1.
ทำไมนักลงทุนถึงเททอง?
หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง นักลงทุนแห่ซื้อทองทันที เพราะกังวลว่า…
ทรัมป์จะจุดสงครามการค้ารอบใหม่
ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอ
เงินเฟ้อในสหรัฐพุ่ง
ทั้งหมดนี้คือเงื่อนไขที่ “ทองคำ” ชอบ
ผลคือ แค่ Q1 ปีนี้ การลงทุนในทองคำพุ่งขึ้นถึง 170% โดยเฉพาะกองทุน ETF ทองคำที่เพิ่มจาก 18 ตัน → 226 ตัน ภายใน 3 เดือน
2.
แต่ในขณะเดียวกัน…
ธนาคารกลางหลายประเทศกลับลดการซื้อทองลง 21%
อุตสาหกรรมเครื่องประดับทองก็หดตัว 19%
โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ที่ยอดซื้อทองลดลงหนัก
เพราะราคามัน “แพงเกินไปสำหรับคนทั่วไป”
3.
นักลงทุนหมดรอบหรือยัง?
ล่าสุด เริ่มมีสัญญาณว่ากองทุนใหญ่ๆ เริ่มขายทำกำไร เช่น SPDR Gold Trust ที่ถือครองลดลงจาก 30.84 ล้านออนซ์ → 30.36 ล้านออนซ์
ขณะเดียวกัน ฝั่งรัฐบาลทรัมป์ก็เริ่มพูดถึงการเจรจาการค้ากับประเทศอื่นๆ แม้ยังไม่มีอะไรชัดเจน แต่ถ้าแรงกดดันลดลง ทองก็อาจพักตัว
4.
แล้วทองจะไปต่อหรือไม่?
คำตอบคือ… “อยู่ที่ว่าโลกจะวุ่นวายแค่ไหน”
ถ้า…
เจรจาการค้า “ล่ม”
ทรัมป์กลับมาเดินเกมภาษี
สภาคองเกรสผ่านกฎหมายลดภาษีเอื้อคนรวย
หรือทรัมป์ตั้งคนของตัวเองคุม Fed แทน Jerome Powell
ทองก็อาจกลับมาเป็นพระเอกอีกรอบ
5.
บทสรุป: ทองคำในช่วงนี้อยู่ในจังหวะ “รอดูท่าที”
แม้ยังไม่มีแนวโน้มจะร่วงแรง แต่การพุ่งขึ้นแบบรวดเร็วในช่วงก่อนหน้านี้ ก็อาจตามมาด้วยการปรับฐานก่อนเข้าสู่ช่วง “ทรงตัว”
และหากโลกยังคงอยู่ในความไม่แน่นอน โดยเฉพาะจากการที่ “ทรัมป์ถล่มระบบการค้าโลก” ทองคำอาจยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตา
