
คนอเมริกากำลังกลัวอนาคต?
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคม 2025 ร่วงลงอีกครั้ง
สู่ระดับ 50.8 ถือเป็นระดับต่ำที่สุดอันดับสองในประวัติการณ์ และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
ตั้งแต่ต้นปี ดัชนีนี้หายไปแล้วเกือบ 30% และที่น่าสนใจกว่าตัวเลข คือ “อารมณ์ของคนอเมริกัน” ที่สะท้อนว่าพวกเขากำลังไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของตัวเอง
สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในการสำรวจคือ “ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน” ที่รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าปรับขึ้นต่อเนื่อง
คนกว่า 75% พูดถึงภาษีโดยไม่ต้องมีคำถามนำ มากกว่าช่วงเดือนก่อนที่อยู่แค่ 60%
แปลว่าเรื่องนี้เริ่มกลายเป็นความกังวลในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
พอของแพงขึ้น ธุรกิจต้นน้ำส่งผ่านต้นทุนมาให้ผู้บริโภค ราคาของกินของใช้ก็ทยอยขึ้น ในขณะที่รายได้ของคนยังไม่ขึ้นตาม
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนเริ่มคาดว่า “เงินเฟ้อ” จะพุ่งแรงขึ้นอีก ในการสำรวจล่าสุด คนส่วนใหญ่คาดว่าเงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 7.3%
ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่ปี 1981 น่าสนใจว่าตัวเลขนี้เมื่อ 4 เดือนก่อน ยังอยู่แค่ 3.3% เท่านั้น
ความคาดหวังเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดดและเมื่อคนเริ่มรู้สึกว่าเงินจะมีค่าน้อยลงในอนาคต พวกเขาก็เปลี่ยนพฤติกรรมทันที บางคนเร่งใช้เงินเพื่อซื้อล่วงหน้า บางคนหันไปเก็บเงินแบบระแวง
ในอีกด้านหนึ่ง ความเชื่อมั่นต่อ “รายได้” และ “สถานะการเงิน” ของแต่ละคนก็แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
การประเมินสถานะการเงินของตัวเองลดลงเกือบ 10% ภายในเดือนเดียว
หลายคนรู้สึกว่าเงินที่หามาเริ่มไม่พอใช้ และยังมองไม่ออกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเมื่อไร
พอรายได้ไม่แน่นอน ความกล้าในการใช้จ่ายก็ลดลงตามไปด้วย
ผลที่ตามมาคือ ภาคการบริโภคในประเทศอาจเริ่มชะลอตัว
แม้จะมีข่าวดีเล็ก ๆ อย่างการประกาศ “พักเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นเวลา 90 วัน”
ซึ่งช่วยให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวชั่วคราว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้นเล็กน้อยในช่วง 2 วันสุดท้ายของการสำรวจ
แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนทิศทางโดยรวมของความรู้สึกที่ซบเซา
Joanne Hsu ผู้อำนวยการการสำรวจฯ สรุปว่า “ความไม่แน่นอนของนโยบาย ยังคงครอบงำมุมมองของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจ”
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อย่าง Joe Brusuelas ก็เสริมว่า “นี่คือสัญญาณของความไม่พอใจอย่างแท้จริง”
ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพว่า คนอเมริกันไม่ได้กลัวแค่ภาษี หรือราคาสินค้าที่สูงขึ้น
แต่กลัวว่ารัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมเศรษฐกิจได้
และเมื่อคนเริ่มไม่เชื่อมั่นในอนาคต พวกเขาก็เริ่มระวังตัวมากขึ้นในการใช้จ่าย การลงทุน และการตัดสินใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับเงิน
ในโลกของเศรษฐกิจ ความรู้สึกของคนสำคัญไม่แพ้ตัวเลข
เพราะเมื่อความกลัวเริ่มแทรกซึม ความถดถอยอาจเกิดขึ้นได้ แม้เศรษฐกิจจะยังไม่พัง
ความเชื่อมั่นที่หายไป อาจใช้เวลานานกว่าที่คิดในการฟื้นกลับมา
และเมื่อผู้บริโภคไม่เชื่อในอนาคต เศรษฐกิจก็จะติดหล่มโดยไม่รู้ตัว
