
ช่วงนี้ Bitcoin กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง หลังจากราคาทะลุ $102,000 ไปได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าสนใจคือ การปรับขึ้นรอบนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เกิดจากกระแสล้วน ๆ เหมือนหลายครั้งก่อน แต่มี “ข่าวใหญ่” หลายข่าวที่น่าจะมีส่วนกระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น
หนึ่งในข่าวที่นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองว่าส่งผลเชิงบวก คือการประกาศข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการลดอุปสรรคทางภาษีบางส่วน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์
บรรยากาศของตลาดโดยรวมหลังข่าวออกมา ถือว่ากลับมาคึกคักขึ้นพอสมควร สินทรัพย์เสี่ยงหลายตัว รวมถึงหุ้นและคริปโต ก็เริ่มฟื้นตัวพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน อีกข่าวหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันมากในวงการคริปโต คือการที่ Coinbase ประกาศเข้าซื้อ Deribit แพลตฟอร์มอนุพันธ์มูลค่ากว่า $2.9 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นดีลใหญ่ที่สุดในวงการคริปโตช่วงหลัง และอาจสะท้อนว่าแพลตฟอร์มขนาดใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับตลาดอนุพันธ์มากขึ้น
โดยเฉพาะการเตรียมรับลูกค้าระดับสถาบันที่ต้องการเครื่องมือการลงทุนขั้นสูง
ที่ผ่านมา Bitcoin เคยร่วงลงไปถึงระดับ $75,000 หลังมีประกาศขึ้นภาษี “Liberation Day” เมื่อเดือนเมษายน แต่ราคาก็ฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว ซึ่งน่าสนใจว่าการฟื้นตัวรอบนี้มาพร้อมกับกระแสข่าวเชิงบวกทั้งจากภาครัฐและฝั่งบริษัทเอกชน
อีกประเด็นหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงในรายงานของหลายสำนัก คือการที่บริษัทจดทะเบียนกว่า 80 แห่งทั่วโลก ได้นำ Bitcoin มาไว้ในงบดุล รวมกันแล้วคิดเป็นประมาณ 3.4% ของ Supply ทั้งหมด
ขณะที่ ETF Bitcoin ในสหรัฐฯ ก็มีเม็ดเงินไหลเข้ากว่า $5.3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งบางคนมองว่า อาจเป็นสัญญาณของการยอมรับในระดับที่กว้างขึ้นของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก
นักวิเคราะห์จากบางสถาบัน เช่น Geoff Kendrick จาก Standard Chartered ยังประเมินว่า หากแรงซื้อยังคงต่อเนื่อง ก็อาจเห็นราคาขยับขึ้นไปถึงระดับ $120,000 หรือมากกว่านั้นในปีนี้
แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามปัจจัยมหภาคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ทิศทางดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลก และนโยบายของรัฐบาลต่าง ๆ
ในภาพรวม รอบนี้อาจไม่ได้เป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้นเหมือนหลายครั้งก่อน แต่ก็ยังเร็วเกินไปจะสรุปว่าเป็น “ขาขึ้นรอบใหญ่” หรือไม่ เพราะความผันผวนยังมีอยู่ และตลาดยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
